เว็บข่าวสร้างสรรค์สังคม เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวทั่วไป ข่าวสังคม ข่าวท้องถิ่น ร้านอาหารอร่อย และยังรับออกแบบ จัดงานอีเวนท์ ทุกประเภท รับงานออกสื่อออนไลน์ และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี
วันอังคารที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2568
สอท.รวบ 3 ผู้ต้องหาสัญชาติจีน-ไต้หวัน เครือข่ายแก็งคอลเซ็นเตอร์ พบประวัติเข้าถึงระบบบริหารจัดการฐานข้อมูลไว้หลอกผู้เสียหายจำนวนมาก รวมค่าเสียหายกว่า60 ล้านบาท
(อ่านแล้ว 155 ครั้ง)
Share on Google+

 

วันนี้ 9 ก.ย.65 ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ( สอท.) พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผบช.สอท. /  นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมแถลงข่าวกรณีจับกุมผู้ต้องหาแก็งคอลเซ็นเตอร์ ระบุเมื่อวันที่ 21 ก.ค.65 มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ ถูกคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ หลอกลวงข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีที่คนร้ายเตรียมไว้ รวมเป็นเงินกว่า 6.9 ล้านบาท

จากนั้น ตำรวจ บช.สอท. ได้สืบสวนสอบสวนและรวบรวมพยานหลักฐาน ขออนุมัติศาล ออกหมายค้นสถานที่ต้องสงสัย เชื่อว่าใช้ในการกระทำผิด 2 จุด คือ คอนโดย่านอโศก-รัชดา และ คอนโดย่านรัชดา-สุทธิสาร  กระทั่งเมื่อวันที่ 7 ก.ย.65 เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ ได้ทำการเข้าตรวจค้นสถานที่ดังกล่าว

ผลการตรวจค้นจุดที่ 1 คอนโดย่านอโศก-รัชดา สามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน-ไต้หวัน ได้ 2 ราย แจ้งข้อหา มีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งบัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ตาม ป.อาญา มาตรา 269/6 (โทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 40 รายการ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่พร้อมซิมการ์ด 33 เครื่องคอมพิวเตอร์แล็บทอป,แท็ปเล็ต,หนังสือเดินทางสมุดบัญชีธนาคาร บัตรเอทีเอ็ม เป็นต้น

ตรวจสอบโทรศัพท์ของกลาง พบว่า มีการติดตั้งแอปพลิเคชันของธนาคารซึ่งได้ลงทะเบียนผูกไว้กับบัญชีธนาคารของบุคคลอื่น (บัญชีม้า) จำนวน 13 บัญชี โดยผู้ต้องหาให้การรับว่าบัญชีดังกล่าวมีไว้รับโอนเงินจากเหยื่อที่ถูกหลอกลวง

นอกจากนี้ยังตรวจสอบพบประวัติการการเข้าถึงระบบบริหารการจัดการฐานข้อมูล ที่มีไว้เพื่อใช้สำหรับหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งภายในโปรแกรมพบหมายจับ หมายเรียก หมายคดีฟอกเงินของ ปปง. ปรากฎชื่อบุคคลอื่นในหมายจับ และข้อมูลทะเบียนราษฎร์ (ทร.14) ที่ถูกปลอมแปลงขึ้นมาจำนวนมาก รวมถึงพบว่ามีการปลอมแปลงเว็บไซต์ของกรมสอบสวนคดีพิเศษ DSI อีกด้วย

จุดที่ 2 คอนโดย่านรัชดา-สุทธิสาร สามารถจับกุมผู้ต้องหาสัญชาติจีน 1 ราย อายุ 29 ปี โดยแจ้งข้อหา เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามา และอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุด ตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมือง พ.ศ.2522 มาตรา 81 (โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ) พร้อมตรวจยึดของกลางกว่า 12 รายการ เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ และสมุดบัญชีธนาคาร เป็นต้น 

จากการตรวจสอบจากฐานข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองพบว่า ผู้ต้องหาดังกล่าวอยู่ในราชอาณาจักรโดยการอนุญาตสิ้นสุดลงแล้ว 2,162 วัน ไม่มีการแจ้งขออยู่ต่อแต่อย่างใด นอกจากนี้ยังพบผู้ต้องสงสัย เป็นหญิงไทยอีก 1 ราย ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนร่วมในการกระทำผิด

สรุปจากการตรวจค้นทั้ง 2 จุด จับกุมผู้ต้องหาได้ 3 ราย (จีน-ไต้หวัน 2, จีน 1) ผู้ต้องสงสัย 1 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการสอบสวนขยายผลไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป นอกจากนี้ พบว่ามีผู้เสียหายที่ถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์ดังกล่าวหลอกลวงแล้วหลายราย มูลค่าความเสียหายรวมประมาณ 60 ล้านบาท

ก่อนหน้านี้ เมื่อเดือน ก.ค. - ส.ค.65 ที่ผ่านมา กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) เปิดปฏิบัติการทลายเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ จำนวน 3 ครั้ง ทำการตรวจค้นในพื้นที่กรุงเทพฯ และในพื้นที่ อ.บางละมุง จว.ชลบุรี รวม 23 จุด สามารถตรวจยึด เครื่องส่งสัญญาณ IP-PBX รวม 202 เครื่อง ซึ่งภายใน 1 วัน จะส่งสัญญาณโทรออกไปยังประชาชนได้กว่า 3.23 ล้านครั้งต่อวัน หรือประมาณ 96.96 ล้านครั้งต่อเดือน นั้น 

 

 

 

Share on Google+
เศรษฐกิจในประเทศ