เว็บข่าวสร้างสรรค์สังคม เทิดทูนสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ สามารถติดตามความเคลื่อนไหวของข่าวทั่วไป ข่าวสังคม ข่าวท้องถิ่น ร้านอาหารอร่อย และยังรับออกแบบ จัดงานอีเวนท์ ทุกประเภท รับงานออกสื่อออนไลน์ และสื่อหลักทั้งหนังสือพิมพ์และทีวี
อา วันอาทิตย์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
บุรีรัมย์ ยายวัย 66 ปี ให้คนในหมู่บ้านโพสต์ขายตู้เย็น เพื่อต้องการเอาเงินมาจ่ายค่าไฟ 95 บาทค่าน้ำ 75 บาท ที่ถูกตัดไปแล้ว เผยต้องเลี้ยงหลาน 3 กับ 4 ขวบ 2 คนอดมื้อกินมื้อวอนหน่วยงานช่วยเหลือ
(อ่านแล้ว 50 ครั้ง)
Share on Google+

วันที่ 22 ก.ค.67 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อ 2 วันที่ผ่านมาได้มีเฟสบุ๊คชื่อ “แสนแสบ”โพสต์ภาพตู้เย็นประกาศขายในราคา 1,000 บาท แทนยายในหมู่บ้านที่ไม่มีโทรศัพท์ ระบุข้อความ”สงสารยาย”ที่ต้องการขายเพราะเอาไปจ่ายค่าไฟฟ้าที่ถูกตัดไปแล้วยอดบิล 95 บาทและค่าน้ำอีก 75 บาท ในเวลาต่อมาผู้โพสต์ได้ลบโพสต์ออกไป

ผู้สื่อข่าวตรวจสอบ พบว่าผู้ที่ประกาศขายตู้เย็นคือนางแพง ยี้รัมย์ อายุ 66 ปี อยู่เลขที่ 14 ม.10 ต.ละหานทราย จ.บุรีรัมย์ และพบว่าได้ยกเลิกการขายตู้เย็นแล้ว หลังจากมีคนเห็นโพสต์มาช่วยเหลือด้วยการซื้อตู้เย็นแต่ไม่เอาของไป  และทราบต่อมาคนที่เข้าไปช่วยยายคือนางพรชิตา โคตรพัฒน์ อายุ 41 ปี อยู่เลขที่ 39/2 ม.10  ต.ละหาทราย อ.ละหารทราย จ.บุรีรัมย์ โดยนายพรชิตา เล่าว่า เห็นโพสต์โผล่ขึ้นทางเพจของ อ.ละหานทราย รู้สึกเห็นใจและอยากเข้าไปช่วยทันที จึงเดินทางมาที่บ้านของยายและให้ผู้โพสต์ลบโพสต์ออกทันที จากที่มาเห็นแล้วเป็นครอบครัวที่น่าสงสารมาก เพราะยายต้องเลี้ยงหลานชายและหลานสาววัย 3 ขวบกับ 4 ขวบตามลำพัง เพราะพ่อเด็กติดคุก แม่เด็กไปทำงานต่างจังหวัดแต่ไม่ค่อยส่งเงินมาให้ทางบ้าน

เบื้องต้นได้เอาเงินมาซื้อตู้เย็นโดยการจ่ายให้ยายไปจำนวน 1,000 บาท แต่ไม่เอาตู้เย็น พร้อมกับซื้อข้าวสารอาหารแห้งมาให้บางส่วน แต่ยังมีความเป็นห่วงเพราะตนจะต้องไปอยู่กับสามีที่ต่างประเทศ จึงติดโซล่าเซลเพื่อเอาไว้ใช้ฉุกเฉินหากถูกตัดหม้อไฟอีก

นางแพง ยอมรับว่าใช้ชีวิตอยู่กับหลานด้วยความลำบาก ถูกตัดไฟแล้วหลายครั้ง แต่ละครั้งนานกว่า 1 สัปดาห์จึงจะหาเงินไปจ่ายค่าไฟได้ หรือต้องรอเบี้ยคนชราออกจึงจะได้จ่าย ช่วงเวลานั้นจะต้องหาเก็บผักบุ้งหลังห้องน้ำมาผัดกับเตาฟืนประทังให้หลานทั้งสองคนได้กิน

ที่ผ่านมาเคยมี อสม.มาดูบ้าง มีชาวบ้านมาดูบ้าง แต่ยังไม่มีหน่วยงานราชการหน่วยงานใดมาช่วยเหลือ ตอนนี้เป็นห่วงแค่หลาน ว่าหากตนเสียชีวิตไปแล้วจะอยู่อย่างไรเพราะพ่ออยู่ในเรือนจำ แม่ก็ไปทำงาน

 

Share on Google+
เศรษฐกิจในประเทศ