
(อ่านแล้ว 42 ครั้ง)
นายรุจกร บุนนาค หรือ เสี่ยปาล์ม นักธุรกิจด้านอีเว้นท์ ชื่อดังย่านปทุมธานี สืบเชื้อสายตรงสายสกุล บุนนาค โดยเป็นบุตรของว่าที่ ร.ต. ศตวรรษ บุนนาค อดีต นายอำเภอ กรมการปกครอง และ นางปาณิสรา บุนนาค อดีต ผู้อำนวยการโครงการบุคลากรท้องถิ่น กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ( เสียชีวิต )
นายรุจกร บุนนาค เกิดเมื่อ 16 มิถุนายน 2534 อายุ 34 ปี ประกอบอาชีพทำธุรกิจส่วนตัว จัดงานอีเวนท์ งานคอนเสิร์ต ต่างๆ รวมถึงบริหารตลาดและพื้นที่เอกชนขนาดใหญ่ ที่เคยได้รับความไว้วางใจดำเนินการจัดงานมหาสงกรานลำลูกกาครั้งที่ 1 และงาน เฟสติวัลรังสิต ครั้งที่4
ด้วยความเป็นคนใจถึง และมีบุคลิคเรียบร้อย อ่อนน้อม จึงเข้าได้กับทุกสังคมเป็นที่รักใคร่เมตตาของผู้ใหญ่ ทำให้ในงานของผู้ใหญ่ทางการเมืองท่านนึง ทำให้ นายรุจกร หรือ เสี่ยปาล์ม และ เสี่ยป่อง หรือ สป.สายไหม ได้มาเจอกัน คบหาและเป็นมิตรแท้ต่อกันเรื่อยมา
ด้วยการอบรมสั่งสอนของมารดาตั้งแต่ยังเด็กที่ปลูกฝังให้ เสี่ยปาล์ม มีความเมตตา ใจบุญ และได้รับคำสอนจากบิดา ที่เคยเป็นผู้ใหญ่ในกรมการปกครอง ในเรื่องของความซื่อตรง ยุติธรรม เสี่ยปาล์ม จึงเติบโตมาด้วยความโอบอ้อมอารีชอบช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยากมาเสมอ หลายคนที่รู้จักเสี่ยปาล์ม จึงยกให้เป็นนักบุญแห่งลำลูกกา ธัญบุรี เลยทีเดียว
จากการสอบถาม นายรุจกร บุนนาค หรือ เสี่ยปาล์ม ได้เล่าว่า ตนเองเกิดมาท่ามกลางครอบครัวของราชการ ทำให้ตนเองมีความเป็นวินัย และทัศนะคติ ที่มองถึงการทำงานระบบงานราชการ และ เอกชน รวมถึงประชาชนทั่วไป ทำให้ตนเองมีความใฝ่ฝันเล่นการเมือง ดำรงค์ตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป้าหมายคือ รมว.กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้เพื่อปรับเปลี่ยนอะไรหลายอย่าง ให้ประชาชน ชาวบ้าน ตาดำๆ ได้มีโอกาส มีสิทธิ์ มีความเท่าเทียม มากขึ้น
ด้วยวิสัยทัศน์ที่ว่า ถึงเวลา ที่ประเทศไทยต้องมีการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ตนเองได้ติดตามผู้ใหญ่ทั้งนักการเมืองระดับประเทศ ระดับท้องถิ่น ข้าราชการ นักธุรกิจ พ่อค้าแม่ค้า ทำให้ตนเองรู้จุดบอด จุดแข็งในการแก้ปัญหาให้ตรงจุดสำหรับประชาชน ทุกวันนี้ตนเองก็เรียนรู้เพิ่มประสบการณ์ให้ตัวเอง เมื่อถึงเวลาที่พร้อมตนเองอาจจะลงรับสมัครเลือกตั้งเพื่อดูแล ปกป้องพี่น้องประชาชน
ที่ผ่านมา นายรุจกร ตกเป็นข่าวกับ นายชาลี แซ่ลิ้ม หรือ "สป.สายไหม" หรือ เสี่ยป่อง นักธุรกิจหนุ่ม ที่ออกมาตอบโต้ กัน จอมพลัง ปกป้องนายกฤษดา หลีนวรัตน์ หรือ นายกฯ เบี้ยว อดีตนายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ตามที่เป็นข่าวโด่งดัง โดย สป.สายไหม ต้องเข้ารับการตรวจสอบต่างๆจาก บช.สอท.โดย พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ เป็นผู้นำการตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อหาข้อมูลเอาผิด สป.สายไหม เนื่องจาก กัน จอมพลัง ได้นำเรื่องไปร้องทุกข์กล่าวโทษไว้ ซึ่งสุดท้ายตำรวจก็ไม่พบเส้นทางการเงินที่กระทำผิดกฎหมายแต่อย่างใด ก้สู้กันไปในชั้นศาลเรื่องโฆษณาชักชวนเล่นพนัน โดยเจ้าตัวก็ปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และต่อสู้ในชั้นศาล
โดยนายรุจกร มักจะใส่ชุดดำใส่แมสก์คอยยืนเคียงข้าง สป.สายไหม ในวันที่ขับรถไปรับ ไปไหนมาไหนกับ สป.สายไหม จนนักข่าวหลายช่องตามไปขอสัมภาษณ์
นาย รุจกร เล่าต่อว่า และเรื่องที่ตนเองเดินทางไปไหนมาไหน กับ เสี่ยป่อง สป.สายไหม นั้น เพราะคำว่าเพื่อน ตนเองเชื่อว่าสิ่งที่เพื่อนทำลงไป เพราะความรักแก่ผู้มีบุญคุณ ที่เคารพรัก อาจจะรุนแรงบ้างตนเองก็ได้ห้ามปรามเตือนเพื่อน เพื่อนก็ฟัง ซึ่งสุดท้ายเพื่อนของตัวเองก็ไม่ได้กระผิดกฎหมายในเรื่องต่างๆที่โดนกล่าวอ้าง แต่สิ่งสำคัญที่สุดของคนเรา นั่นคือหัวใจ และคำพูด เพื่อนจะถูกจะผิด ยังไงก็ยังเป็นเพื่อนที่เราต้องยืนเคียงข้างกัน